ต้นโชคอนันต์ มะม่วงพันธุ์ยอดด้วน 80-120ซม.ส่งพร้อมถุงขนาด6นิ้ว

คุณสมบัติสินค้า:

ผล รูปกลมรี ผลโตเต็มที่ประมาณ 3-4 ผล ต่อ 1 กิโลกรัม ผลดิบสีเขียว เปลือกผลค่อนข้างหนา เนื้อในดิบรสเปรี้ยวจัด ฉ่ำน้ำกรอบตามที่กล่าวข้างต้น เมื่อผลสุกผิวผลจะเป็นสีเหลืองตลอดทั้งผล เนื้อในสีเหลือง-เข้ม รสชาติหวานหอมมีเส้นใยหรือเสี้ยนเล็กน้อย

หมวดหมู่ : ไม้ผล

แบรนด์ : MeFarmSook

Share

ต้นโชคอนันต์ หรือ มะม่วงพันธุ์ยอดด้วน สูง80-120ซม. ส่งพร้อมถุงขนาด 6 นิ้ว พร้อมปลูกลงดิน

ผล รูปกลมรี ผลโตเต็มที่ประมาณ 3-4 ผล ต่อ 1 กิโลกรัม ผลดิบสีเขียว เปลือกผลค่อนข้างหนา เนื้อในดิบรสเปรี้ยวจัด ฉ่ำน้ำกรอบตามที่กล่าวข้างต้น เมื่อผลสุกผิวผลจะเป็นสีเหลืองตลอดทั้งผล เนื้อในสีเหลือง-เข้ม รสชาติหวานหอมมีเส้นใยหรือเสี้ยนเล็กน้อย

รายละเอียด

ความสูงเมื่อเจริญเติบโตเต็มที่ : สูง 10 – 20 เมตร
ความกว้างทรงพุ่มเมื่อโตเต็มที่ : ทรงพุ่มกว้าง 4 – 6 เมตร
ความต้องการแสง : ต้องการแดด 100 %
ความต้องการน้ำ : รดน้ำประจำทุกวัน วันละ 1 ครั้ง และเมื่อมะม่วงตั้งตัวได้ คล่อยห่างลดน้ำ 3 – 4 วัน/ครั้ง
ชอบดินประเภท : ชอบดินร่วนปนทราย

วิธีการปลูกมะม่วง

1. การเตรียมดิน สามารถแบ่งเป็น 2 ลักษณะคือ

1.1 ยกร่อง แปลงปลูกให้สูง เพื่อไม้ให้น้ำท่วมถึงค่ะ

1.2 พรวนดินให้ร่วนซุย ตากแดดไว้ ประมาณ 7 วันได้ค่ะ

2. ระยะการปลูก

การปลูกแบบห่างปกติแล้วมักจะใช้ระยะปลูกประมาณ 8x8 เมตร ซึ่งจะปลูกได้ไร่ละประมาณ 16-25 ต้น ขึ้นอยู่กับสภาพความอุดมสมบูรณ์ของดิน โดยดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำจะใช้ระยะปลูกถี่ เพราะมะม่วงจะโตช้า แต่ดินที่อุดมสมบูรณ์จะปลูกห่าง เพราะมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ปัจจุบันอาจปลูกให้ถี่ขึ้น โดยใช้ระยะ 4x6 เมตร หรือ 5x7 เมตร เพื่อให้ได้ผลผลิตต่อไร่สูงขึ้น

3. การขุดหลุมปลูก

เมื่อขุดหลุมแล้วนำเอาดินที่ได้จากหลุมที่ขุดนั้นมาคลุกเคล้ากับปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก จำนวนที่ใส่ประมาณ 1-4 กิโลกรัม จากนั้นกลบดินลงไปในหลุมให้เต็ม

4. วิธีการปลูก

ในการปลูกนั้นเมื่อขุดหลุมเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วก็จะกลบดินที่ผสมปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยคอกให้พูนสูงกว่าระดับดินเดิม 20-30 เซนติเมตร นำกิ่งพันธุ์มะม่วงมาปลูกโดยตรวจสอบว่ากิ่งพันธุ์นั้นมีราก แผ่กระจายออก จากนั้นเจาะหลุมและนำมะม่วงต้นกล้าลงปลูกโดยให้รอยแผลของกิ่งทาบอยู่เหนือดิน ใช้ไม้รวกปักแล้วใช้เชือกมัดยึดกับลำต้นเพื่อกันลมโยก

ถ้าแสงแดดจัดอาจพรางแสงด้วยวัสดุต่างๆ เช่น ทางมะพร้าว โดยพรางแสงแดด

เมื่อปลูกเสร็จแล้วใช้มือกลบดินบริเวณโคนกิ่งให้แน่นแล้วรดน้ำให้ชุ่ม เพื่อให้ดินจับแน่นกับราก 

5. การให้น้ำ

ปกติแล้วการปลูกมะม่วงจะทำในฤดูฝนซึ่งสภาพอากาศชุ่มชื้น แต่ถ้าหากหลังจากปลูกไปแล้วฝนไม่ตก จำเป็นจะต้องรดน้ำทุก 2-3 วัน เมื่อมะม่วงตั้งตัวได้ก็สามารถขยายระยะการให้น้ำเป็น 3-5 วันต่อครั้ง และ 7-10 วันต่อครั้ง ตามลำดับ และเมื่อผ่านพ้นปีแรกไปแล้วอาจจะให้น้ำทุก 15-20 วัน เพื่อไม่ให้ต้นมะม่วงชะงักการเจริญเติบโต ซึ่งปกติแล้วในสภาพพื้นที่ยกร่องจะมีปัญหาน้อยกว่าที่ดอน เนื่องจากระดับน้ำใต้ดินสูง

6. การใส่ปุ๋ย

- ปุ๋ยอินทรีย์ เป็นปุ๋ยที่ได้จากซากพืชซากสัตว์ ช่วยให้ดินโปร่งอากาศและน้ำซึมผ่านได้สะดวกแก้ไขดินเหนียวให้ร่วน ช่วยให้ดินทรายจับตัวกันดีขึ้น และทำให้ปุ๋ยวิทยาศาสตร์เป็นประโยชน์ต่อต้นไม้มากขึ้น ปุ๋ยอินทรีย์มีธาตุอาหารทุกอย่างครบ แต่มีอยู่ในปริมาณต่ำจึงควรใส่ปุ๋ยอินทรีย์ร่วมกับปุ๋ยวิทยาศาสตร์จะเป็นประโยชน์ต่อต้นมะม่วงยิ่งขึ้น

- ปุ๋ยเคมีหรือปุ๋ยวิทยาศาสตร์ 

- ระยะหลังตัดแต่งกิ่ง ควรใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ต้นละ 2 กิโลกรัม เพื่อให้กิ่งก้านใบที่แตกออกมามีความสมบูรณ์แข็งแรง และใส่ปุ๋ยคอก 4-5 บุ้งกี๋ร่วมเข้าไปด้วย

- ระยะก่อนหมดฤดูฝน คือช่วงเดือนกันยายนถึงเดือนตุลาคม เป็นช่วงที่ต้องการให้มะม่วงหยุดการเจริญเติบโตทางกิ่งก้าน และเตรียมตัวสำหรับการออกดอก ระยะนี้ควรลดปริมาณปุ๋ยธาตุไนโตรเจนให้ต่ำลง ถ้าเป็นดินร่วนหรือดินทรายแนะนำให้ใส่ปุ๋ยสูตร 8-24-24 แต่ในดินเหนียวแนะนำให้ใช้สูตร 12-24-12 ต้นละ 2 กิโลกรัม

- ระยะก่อนออกดอก ระยะก่อนออกดอกแต่ยังไม่แทงดอก เป็นช่วงที่บางครั้งจะมีฝนหลงฤดูหรือในบางเขตที่ฝนหมดช้า จะให้ปุ๋ยทางใบเพื่อกดไม่ให้แตกใบอ่อนอาจใช้ปุ๋ยสูตร 0-52-34 หรือ NB. 86 ฉีดพ่นอัตรา 100-150 กรัมผสมน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่น 1-2 ครั้งห่างกัน 10-14 วัน

- ระยะติดผล เมื่อผลมะม่วงติดผลขนาดหัวไม้ขีดจนถึงอายุ 12 สัปดาห์ จะเป็นช่วงที่ผลมะม่วงมีการเจริญเติบโตของผลอย่างรวดเร็ว ถ้าติดผลดกและอาหารไม่เพียงพอ ผลจะเล็กแคระแกร็น ในระยะนี้ในแหล่งที่มีน้ำชลประทานแนะนำให้ใส่ปุ๋ยทางดินสูตร 15-15-15 อัตราต้นละ 1-2 กิโลกรัม แต่ในแหล่งที่ไม่มีน้ำให้ใช้ปุ๋ยทางใบสูตร 21-21-21 ในอัตรา 2-3 ช้อนแกงผสมน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทุก 2 สัปดาห์ ประมาณ 5 ครั้ง

- ระยะก่อนการเก็บเกี่ยว เป็นระยะที่เมล็ดของมะม่วงมีเปลือกหุ้มเมล็ดเริ่มแข็งขึ้นโดยทั่วไปเรียกว่า “เข้าไคล” อาจเพิ่มคุณภาพผลด้านความหวานิความกรอบ โดยใช้ปุ๋ยทางใบ เช่น 13-0-46 หรือ โพแทสเซี่ยมคลอไรด์ 0-0-60 อัตรา 50 กรัมผสมน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่น 1-2 ครั้ง ห่างกันหนึ่งสัปดาห์ก็ได้

7. การปลิดผลและตัดแต่งก้านผล

เพื่อให้ผลผลิตมีคุณภาพดีจึงต้องทำการปลิดผลให้เหลือ 1-2 ผลต่อช่อ เท่านั้น เพื่อให้ผลได้รับอาหารและแสงอย่างเต็มที่ โดยเลือกตัดเอาผลที่ไม่สมบูรณ์ทิ้ง และนอกจากนี้ยังต้องตัดแต่งเอาก้านแขนงของช่อดอกที่ไม่ติดผลออกด้วย เพราะจะเสียดสีทำให้ผิวผลไม่สวย

 

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้